วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สุเหร่าเซนต์โซเฟีย



   Mosque of Hagia Sophia (Istanbul) "สุเหร่าเซนต์โซเฟีย" ปัจจุบันตั้งอยู่ที่เมือง"คอนสแตนดิโนเบิล" (Constantinople) ประเทศตุรกี เป็นหนึ่งใน เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ซึ่งปัจจุบันสามารถเข้าชมได้
          สุเหร่าเซนต์โซเฟีย (Saint Sophia) หรืออีกชื่อคือ โบสถ์ฮาเจีย โซเฟีย ในอดึตโบสถ์แห่งนี้ เป็นโบสถ์ที่ไว้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์ แต่ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม สร้างโดย "พระเจ้าจักรพรรดิ์คอนสแตนติน"เมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 13 โดยโบสถ์แห่งนี้ใช้เวลาสร้างถึง 17 ปี แต่ก็ถูกผู้ก่อการร้ายบุกเผาทำลาย หลาย ๆ ต่อหลายครั้ง วอดวายนับไม่ถ้วน สาเหตุเนื่องจาก ความขัดแย้งทางศาสนาระหว่าง ศาสนาคริสต์ และ ศาสนาอิสลาม  เมื่อถึงสมัยพระเจ้าจัสตินเนียน ทรงมีอำนาจเหนือตรุกี จึงได้สร้างโบสถ์เซนต์โซเฟียขึ้นมาใหม่อีกครั้งนึง โดยใช้เวลาสร้างนานกว่าเดิม เพราะฐานของโบสถ์นั้นใช้เวลาสร้างถึง 20 ปี และตัวโบสถ์อีกถึง 5 ปี เมื่อประมาณ     ปี พ.ศ. 1996 (ราว ๆ ค.ศ. 1435) และเนื่องจากพระเจ้าจัสตินเนียนนั้น ต้องการให้โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์ที่สวยงาม ที่สุด จึงได้สั่งให้หา สิ่งของมีค่า มาประดับไว้มากมาย และเมื่อสร้างเสร็จก็ได้มีการเฉลิมฉลองงานกันอย่างใหญ่โต มโหฬาร ครั้นเมื่อสิ้นสมัยจักรพรรดิจัสตินเนียน จนมาถึงสมัย "พระเจ้าโมฮัมเม็ดที่ 2" ได้ทรงมีอำนาจเหนือตุรกี และเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลาม ด้วยสาเหตุนี้จากโบสถ์เซนต์โซเฟีย จึงกลายเป็น สุเหร่าเซนต์โซเฟีย ของศาสนาอิสลาม แต่ยังคงความงามไว้ดังเดิม



สุสานแห่งอเล็กซานเดรีย ( คาตาโคมป์ ) Catacombs of Alexandria Egyp


สุสานแห่งอเล็กซานเดรีย นั้นตั้งอยู่ที่เมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ สุสานแห่งนี้เป็น อุโมงค์ที่เก็บศพ และทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ของกษัตริย์อียิปต์ยุคโบราณ อีกทั้งสุสานแห่งนี้ยังมีชื่อเรียกอีกชื่อนึงว่า "คาตาโคมบ์" (Catacombs)คาตาโคมบ์ เป็นอุโมงค์ที่ถูกสร้างด้วย หินก้อนใหญ่ ๆ และ ขุดลึกลงไปเป็นชั้น ๆ ราว 21 ถึง 24 เมตร (ประมาณ 70 - 80 ฟุต) มีทางเดินกว้างกว่า 1.2 เมตร ( 3 - 4 ฟุต) วกไปวนมา เป็นระยะทางกว่าหลายกิโลเมตรทีเดียว อีกทั้งริมผนังของอุโมงนั้นถูกทำเป็นช่อง ๆ ไว้สำหรับบรรจุศพ และมีแท่นบูชาอยู่หน้าบรรจุศพเหล่านั้นมากมาย พร้อมทั้งตะเกียงดวงเล็ก ๆ แขวนไว้

กองหินประหลาดสโตนเฮนจ์ (Stonehenge)


สุดกังขา กองหินประหลาดสโตนเฮนจ์มรที่มาอย่างไร?



       อีกหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ของโลก กองหินประหลาดสโตนเฮนจ์ ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดี แต่ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า ก้อนหินน้ำหนักมหาศาลเหล่านั้น ถูกนำมาวางเรียงรายกันได้อย่างไรสถานที่ตั้งของกองหินสโจนเฮนจ์นั้น ตั้งอยู่กลางทุ่งราบกว้างใหญ่บนที่ราบซอลส์บรี ทางตอนใต้ของเกาะอังกฤษ ปรากฏเป็นกองหินอยู่ 112 ก้อน ตั้งเรียงซ้อนกันเป็นวงสามวง การเรียงของก้อนหินเหล่านี้ มีทั้งแนวนอนแนวตั้ง อีกทั้งยังมีการวางทับไว้ด้านบนอีกต่างหาก นักโบราณคดี         ประวัติศาสตร์ ต่างพากันแปลกใจมาจนถึงทุกวันนี้ว่า ในบริเวณทุ่งราบอันเป็นแหล่งที่ตั้งของกองหินสโตนเฮนจ์ ไม่   ปรากฏก้อนหินลักษณะนี้อยู่เลย ดังนั้นหินเหล่านี้จะต้องมีการขนย้าย และจะใช้การขนย้ายอย่างไรในเมื่อวิวัฒนาการในเรื่องของคมนาคม การขนถ่ายในสมัยก่อนต่างกับปัจจุบันราวฟ้ากับเหว และเมื่อไม่นานมานี้เองได้มีนักดาราศาสตร์คนหนึ่งได้ให้ข้อมูลว่าสามารถถอดรหัสแนวหินได้เขาเล่าว่า แท้จริงแล้วสโตนเฮนจจ์ คือ เครื่องคำนวณ หรือเป็นปฏิทินดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ เพราะแนวของหินกลุ่มก้องต่าง ๆ ล้วนมีความสัมพันธ์กับแนวการเคลื่อนของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวพระเคราะห์ ซึ่งจริงแท้อย่างไร ณ ปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถหาข้อสรุปได้ แต่ที่แน่ๆกองหินสโตนเฮนจ์แห่งนี้ ได้ถูกจัดเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกไปเรียบร้ยยแล้ว

เจดีย์กระเบื้องเคลือบเมืองนานกิงทาวเวอร์พอร์ซเลนที่นานกิง


นั่นก็คือเจดีย์กระเบื้องเคลือบนานกิง เมืองเอกของมณฑลเจียงซูอยู่ทางตอนเหนือของจีน 15 สมัยของราชวงศ์หมิง เจดีย์ออกแบบเป็นทรงแปดเหลี่ยมความสูงทั้งสิ้น 9 ชั้น มีกระดิ่งแขวนไว้ทั้งหมด 80 ลูกเล่ากันว่าบนยอดเจดีย์นั้นมีลูกบอลทำด้วยทองติดอยู่ 9 วงนอกจากี้ยังมีไข่มุกขนาดใหญ่ 5 เม็ดอยู่ที่ปลาย3 ชั้นเท่านั้น พ.ศ. 1973 9 ชั้นมีบันไดวน 184 ขั้น ด้วยของมีค่าพวกเงินทองคำและอัญมณีอื่น ๆ จำนวนมากภายหลังเจดีย์แห่งนี้ได้ถูกฟ้าผ่าและถูกกบฎไต้เผ็งทำลายเมื่อปี พ.ศ. 2396 แม้จะถูกทำลายไปมาก และสิ่งที่น่าดีใจที่สุดก็คือเมื่อปี พ.ศ. 2553 นายหวังเจียนหลินประธาน บริษัท อสังหาริมทรัพย์ต้าเหลียนวันดากรุ๊ป ราว 4,500 ล้านบาท ไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ยลสืบไป



กำแพงเมืองจีนกำแพงเมืองจีน




ไม่ว่ารุ่นไหนถึงรุ่นไหน ว่ามีความเป็นมาอย่างไรมาดูกันดีกว่าว่ากำแพงเมืองจีนนั้น หรืออีกชื่อหนึ่งคือกำแพงหมื่นลี้ มีหอสังเกตการณ์กว่าหนึ่งหมื่นแห่ง พระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้เห็นดังนั้น อีกชื่อหนึ่งของกำแพงเมืองจีนนั้นถูกขนานนามว่าเป็นหลุมฝังศพที่ยาวที่สุดในโลก นักตรวนยังมีตรวนเหล็กที่คอ เนื่องด้วยเสบียงถูกปล้นและถูกนำไปขาย



สนามกีฬากรุงโรม (Colosseum แห่งกรุงโรม)




ถ้าพูดถึงอาณาจักรโรมัน หรือกรุงโรม เชื่อแน่ว่าสถานที่ยอดฮิตที่ผู้คนจะรู้จักเป็นอย่างดีก็คือ สนามกีฬากรุงโรม สนามกีฬาที่ยิ่งใหญ่ และเต็มไปด้วยประวัติที่หลากหลาย จนถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก สนามกีฬากรุงโรม หรืออีกชื่อที่รู้จักกันดีว่า โคลอสเซียม ภาษาละติน แปลว่า มหึมา ถูกสร้างขึ้นในสมัยที่อาณาจักรโรมันกำลังรุ่งเรือง เมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อน เป็นสนามกีฬากลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี สนามกีฬาแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสปาเซียนแห่งอาณาจักรโรมัน  ราวๆปี ค.ศ. 80   อัฒจันทร์เป็นรูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทราย ซึ่งจุผู้ชมได้ 50,000 คน ที่นั่งของสนามกีฬาแห่งนี้ ถูกแบ่งสัดส่วนตามชนชั้นต่าง ๆ ได้แก่ ที่นั่งของจักรพรรดิ์ สมาชิกรัฐสภา นักบวช ข้าราชการ และประชาชน
ปัจจุบันสนามกีฬาโรมันกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านโทษประหารชีวิตไปเสียแล้ว โดยสนามกีฬาจะส่องสว่างด้วยสีเหลืองทุกครั้งที่มีการกลับคำตัดสินหรือยกเลิกโทษประหารชีวิตไม่ว่าจะที่ใดในโลกก็ตาม และสนามกีฬาโรมันแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ อย่างยิ่ง

หอเอนเมืองปีซ่า (Leaning Tower of Pisa)


จัดเป็นหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ของโลกสำหรับหอเอนเมืองปิซ่า ประเทศอิตาลี น่าแปลกใจอยู่ไม่ใช่น้อย และคงจะเกิดคำถามขึ้นในใจของใครหลายๆคน เหตุไฉนทำไมหอแห่งนี้จึงเอน และทำไมยังทรงตัวอยู่ได้ วันนี้เราไปร่วมกันไขคำตอบด้วยกันดีกว่า

สิ่งปลูกสร้างแห่งนี้เป็นหอระฆังของชาวคริสต์โรมันคาทอลิก ถูกสร้างขึ้นในยุครุ่งเรืองของเมืองปิซ่า ประเทศอิตาลี พ่อค้าและคหบดีร่วมใจกันสร้างขึ้นมา สิ่งปลูกสร้างนี้ถูกก่อขึ้นด้วยหินอ่อนสีขาวสูง 183.3 ฟุต มีบันไดทั้งสิ้น 293 ขั้น ซึ่งสาเหตุแห่งการเอียนของหอระฆังแห่งนี้ มาจากการที่สถาปนิกได้ลงฐานรากของหอระฆังไว้เหนือชั้นดินปนทราย ซึ่งตรงนี้สันนิษฐานกันว่าเป็นท้องน้ำเก่าที่ถูกดินกลบฝังไว้


การก่อสร้างได้หยุดชะงักลงเมื่อดำเนิดการสร้างไปได้เพียง 4-5 ชั้นเท่านั้น เรื่องมาจากที่พื้นดินใต้อาคารเริ่มยุบ เพราะฐานที่ไม่มั่นคงพอนั่นเอง รัฐบาลได้มีการแก้ไขโดยระดมทั้งวิศวกร สถาปนิก นักคณิตศาสตร์ นักประวัติศาตร์ มารวมตัวกัน ใช้เหล็กรวมกว่า 800 ต้นมาค้ำหอระฆังนี้ไว้ นอกจากนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างด้านบนจากผังเดิมที่เคยวางไว้เพื่อถ่วงดุลการเอียงเอาไว้ รวมระยะเวลาการสร้างทั้งสิ้น 176 ปี

7 Wonders of the World!


จากที่ได้เริ่มโพสมาทั้งหมด 7 โพสนะครับก็ครบแล้วสำหรับ "7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก" ยุึคต้น แต่ .. ขอย้ำว่ายุคต้นเท่านั้นยังมี 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางและยุคปัจจุบัน ขอบคุณที่ติดตามและขอให้ติดตามเราต่อด้วยนะครับเราจะนำเสนอสิ่งมหัศจรรย์ของโลก






"มหาพีระมิดแห่งอียิปต์"






มหาวิหารอาร์เทมีส "Temple of Artemis (Diana)"






สุสานของกษัตริย์โมโซรุส "สุสาน Mausoleum at Halicarnassus"






สวนลอยแห่งกรุงบาบิโลน "สวนลอยบาบิโลน"






เทวรูปเทพเจ้าซีอุส "รูปปั้นของ Zeus ที่ Olympia"







เทวรูปเทพเจ้าเฮลิออส (อะพอลโล) "ยักษ์ใหญ่แห่งโรดส์





หอประภาคารโรส "ประภาคารแห่งอเล็กซานเด (Pharos)"


ขอขอบคุณไปทางทีมงาน Blogger ทุกท่านที่ให้การสนับสนุน





















































































































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น